ในยุคที่ปัญหาขยะพลาสติกกลายเป็นวิกฤตระดับโลก การรีไซเคิลแก้วพลาสติก (Plastic Cups Recycling) เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยลดขยะและรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แค่เพียงรู้ขั้นตอนและทำอย่างถูกวิธี วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักขั้นตอนรีไซเคิลแก้วพลาสติกและวิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ทันที
ทำไมต้องรีไซเคิลแก้วพลาสติก?
แก้วพลาสติกเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำดื่ม แก้วกาแฟ หรือแก้วชานมไข่มุก แต่เมื่อใช้เสร็จแล้ว มักถูกทิ้งเป็นขยะพลาสติกที่ใช้เวลาย่อยสลายนานหลายร้อยปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น:
- ก่อให้เกิดมลพิษในดินและน้ำ: เมื่อพลาสติกย่อยสลาย จะปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
- ทำลายระบบนิเวศทางทะเล: พลาสติกที่ถูกทิ้งลงสู่ทะเลทำให้สัตว์น้ำเผลอกินและตายจากการอุดตันในระบบทางเดินอาหาร
- ปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การเผาขยะพลาสติกปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน
ดังนั้น การรีไซเคิลแก้วพลาสติกจึงเป็นวิธีที่ช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทของแก้วพลาสติกที่นิยมนำมารีไซเคิล
การรีไซเคิลแก้วพลาสติกต้องเริ่มจากการรู้จักประเภทของพลาสติกที่ใช้ในการผลิตแก้ว โดยประเภทที่สามารถรีไซเคิลได้ ได้แก่:
PET (Polyethylene Terephthalate, รหัส 1)
- ลักษณะ: พลาสติกใส เบา และทนทาน
- ตัวอย่าง: แก้วน้ำดื่ม แก้วชานมไข่มุก
- การนำไปรีไซเคิล: ทำเป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์สำหรับผลิตเสื้อผ้า หรือขึ้นรูปเป็นขวดน้ำใหม่
- ข้อมูลเชิงสถิติ: การรีไซเคิล PET 1 กิโลกรัม สามารถประหยัดพลังงานได้เทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าในบ้าน 1 วัน
PP (Polypropylene, รหัส 5)
- ลักษณะ: พลาสติกแข็งและทนความร้อน
- ตัวอย่าง: แก้วโยเกิร์ต แก้วใส่อาหาร
- การนำไปรีไซเคิล: ผลิตกล่องเก็บอาหาร ถังน้ำ หรือชิ้นส่วนรถยนต์
แก้วพลาสติกเหล่านี้ล้วนสามารถรีไซเคิลได้ แต่ต้องผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง และผู้บริโภคต้อง “แยกขยะให้ถูก” ก่อนทิ้ง
ขั้นตอนการรีไซเคิลแก้วพลาสติก
1. การคัดแยกและรวบรวม (Sorting and Collection)
- คัดแยกตามประเภทพลาสติก: ตรวจสอบรหัสรีไซเคิลที่อยู่ใต้แก้ว เพื่อคัดแยกตามประเภท เช่น PET, PP, PS
- แยกฝาปิดและหลอดพลาสติก: แก้วพลาสติกมักมาพร้อมฝาปิดและหลอด ซึ่งทำจากพลาสติกคนละประเภท ควรถอดออกและคัดแยกให้ถูกต้อง
2. การทำความสะอาด (Cleaning and Washing)
- ล้างทำความสะอาด: ใช้น้ำล้างเศษอาหาร เครื่องดื่ม หรือคราบมันออกให้หมด เพื่อลดการปนเปื้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการรีไซเคิล
- ตากให้แห้ง: ตากแก้วให้แห้งสนิทก่อนเก็บ เพื่อลดปัญหาเชื้อราและกลิ่นไม่พึงประสงค์
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง: ไม่ควรใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายทำความสะอาด เพราะจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการรีไซเคิล
3. การบดและคัดแยกขนาด (Shredding and Sizing)
- บดเป็นชิ้นเล็ก ๆ (Flake): บดแก้วพลาสติกให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ โดยใช้เครื่องบดที่มีใบมีดหมุนเร็ว ทำให้แก้วแตกออกเป็น “เกล็ดพลาสติก” ขนาดเล็ก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหลอม
- คัดแยกขนาด (Sizing): คัดแยกขนาดของเกล็ดพลาสติก โดยใช้ตะแกรงกรองที่มีรูขนาดต่าง ๆ เพื่อให้ได้เกล็ดที่มีขนาดสม่ำเสมอ
4. การหลอมและขึ้นรูปใหม่ (Melting and Remolding)
- การหลอม (Melting): เกล็ดพลาสติกจะถูกหลอมในเครื่องอัดเม็ด (Extruder) ที่อุณหภูมิที่เหมาะสม: PET: 250°C – 280°C และ PP: 160°C – 180°C
- การขึ้นรูปใหม่ (Remolding): พลาสติกหลอมเหลวจะถูกรีดเป็นเส้นและตัดเป็นเม็ดพลาสติก (Pellet) เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าพลาสติกใหม่ เช่น ขวดพลาสติก กล่องอาหาร และ อื่นๆ
ข้อแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป: ทำขั้นตอนไหนได้บ้าง?
แม้ว่าการรีไซเคิลแก้วพลาสติกทั้งหมดจะมีหลายขั้นตอน แต่บุคคลธรรมดาก็สามารถมีส่วนร่วมได้ง่าย ๆ โดยเริ่มจากขั้นตอนที่ทำได้เองที่บ้าน ดังนี้:
- คัดแยกตามประเภทพลาสติก: ตรวจสอบรหัสรีไซเคิลที่อยู่ใต้แก้ว เช่น PET (รหัส 1) และ PP (รหัส 5) ซึ่งสามารถรีไซเคิลได้ง่าย
- ล้างทำความสะอาด: ล้างคราบอาหารและเครื่องดื่มออกจากแก้วพลาสติก เพื่อลดการปนเปื้อนและไม่ให้มีกลิ่นเหม็น
- เก็บให้เป็นระเบียบ: จัดเก็บแก้วพลาสติกที่ล้างและแห้งแล้วในถุงหรือถังที่แยกประเภทชัดเจน เขียนป้ายกำกับ เช่น “PET รหัส 1” หรือ “PP รหัส 5” เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปรีไซเคิล
- นำไปทิ้งที่จุดรับรีไซเคิล: นำแก้วพลาสติกไปทิ้งที่จุดรับรีไซเคิลที่รองรับพลาสติกประเภทนั้น ๆ
- ส่งเสริมการใช้ซ้ำ: เลือกใช้แก้วที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น แก้วสแตนเลส แก้วซิลิโคน หรือแก้วที่ออกแบบมาให้ใช้ซ้ำได้
ประโยชน์ของการรีไซเคิลแก้วพลาสติก
- ลดปริมาณขยะและมลพิษทางสิ่งแวดล้อม
- ประหยัดพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากการรีไซเคิลใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิตพลาสติกใหม่ถึง 30-50%
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะจากการเผาขยะพลาสติก
- เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) พลาสติกที่รีไซเคิลสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือวัสดุก่อสร้าง
เปรียบเทียบกับวิธีจัดการขยะแบบอื่น ๆ
การเผาขยะ (Incineration): ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง และเกิดมลพิษทางอากาศ เหมาะกับขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ แต่ต้องจัดการมลพิษจากการเผาให้ดี
การฝังกลบ (Landfill): ใช้เวลาย่อยสลายนาน และเกิดการปนเปื้อนในดินและน้ำ ควรเป็นทางเลือกสุดท้าย เนื่องจากมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
การรีไซเคิล (Recycling): ช่วยลดปริมาณขยะ ประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นวิธีที่ยั่งยืนที่สุด แต่ต้องพัฒนาระบบคัดแยกและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ
สรุป
รีไซเคิลแก้วพลาสติกเป็นเรื่องง่ายที่ทุกคนสามารถทำได้ หากรู้ขั้นตอนและปฏิบัติอย่างถูกวิธี เริ่มต้นได้ง่าย ๆ แค่แยกประเภท ล้างให้สะอาด และทิ้งในจุดรับรีไซเคิลที่ถูกต้อง นอกจากนี้ การใช้แก้วที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ยังช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่และประหยัดทรัพยากรธรรมชาติได้อีกด้วย แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ ก็สามารถช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนให้กับโลกของเรา
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
Greener Bangkok เรื่อง แก้วพลาสติก ทิ้งยังไง
- https://greener.bangkok.go.th/how-to-ting/plastic-cup-pet/
สำนักงานเศรษฐกิจอุสาหกรรม เรื่อง การรีไซเคิลพลาสติก (Plastic recycling)
- https://packaging.oie.go.th/new/admin_control_new/html-demo/file_technology/7069253184.pdf